วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

การอุปสมบท

การอุปสมบท คือการบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ถือเป็นการตอบแทนพระคุณของบิดามารดา และเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง ทั้งยังเป็นการดำรงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ ผู้ที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จะต้องมีอายุตั้งแต่ ๒๐ ปีขึ้นไป และมีคุณสมบัติครบบริบูรณ์ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองจะพาไปหา เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์เพื่อกำหนดวันเวลาในการบวชและฝึกซ้อมการปฏิบัติตนตลอดจนท่องจำ ค่ำขอบรรพชาอุปสมบท นอกจากนี้จะต้องเตรียมจัดหาเครื่องอัฐบริขารไว้ให้พร้อม ได้แก่ บาตร สบง จีวร สังฆาฏิ (ผ้าพาดบ่า) มีดโกน เข็ม ด้าย ผ้าคาดเอว หม้อกรองน้ำ และจัดเตรียมเครื่องใช้ที่จำเป็น สำหรับผู้บวช เช่น เสื่อ หมอน ขันน้ำ ช้อน ส้อม เป็นต้น
ก่อนบวช ผู้บวชจะนำดอกไม้ธูปเทียนแพใส่พานไปขอสมาลาโทษแก่บรรดาญาติมิตรตลอดจนผู้ที่เคารพ นับถือเพื่อลาบวช เป็นการแสดงความเคารพและเพื่อขอขมาโทษที่เคยมีต่อกัน ก่อนถึงวันงานหนึ่งวันเรียกว่า วันสุกดิบ ผู้บวชจะต้องโกนคิ้ว โกนผม โกนหนวด นุ่งเยียรบับ สวมเสื้อครุยเรียบร้อย ตอนค่ำมีการทำขวัญนาคโดยหมอขวัญจะทำขวัญนาคซึ่งเป็นบทสวดคล้ายเทศน์มหาชาติพรรณนาถึง บุญคุณของพ่อแม่และอานิสงส์ของการบวชให้นาคตลอดจนญาติพี่น้องฟัง เมื่อทำขวัญเสร็จจะมีการ เบิกบายศรีและเวียนเทียนโบกควันให้นาค

รุ่งขึ้นเมื่อถึงวันงานมีการแห่นาคออกจากบ้านไปวัด มีการจัดขบวนแห่กลองยาวเถิดเทิงหรือแตรวงเป็นที่ สนุกสนานครึกครื้น ญาติพี่น้องและผู้ร่วมงานจะช่วยถือเครื่องอัฐบริขารและเครื่องไทยธรรม มารดา อุ้มไตรจีวร บิดาอุ้มบาตรและถือตาลปัตร ส่วนนาคจะเดิน นั่งรถ ขี่คอคน ขี่ช้างหรือม้าก็ได้ เมื่อขวนแห่ถึงวัดแล้วมักแห่เวียนขวารอบพระอุโบสถ ๓ รอบ นาคจะนำดอกไม้ธูปเทียนที่ถือมา เข้าไปบูชาพัทธสีมาหน้าโบสถ์เป็นการสักการะพระประธานในโบสถ์ หลังจากนั้นพ่อแม่จะจูงนาคเข้าไป ในพระอุโบสถ นาครับผ้าไตรจีวรอุ้มเข้าขอพรรพชาเป็นสามเณรต่อพระอุปัชฌาย์แล้ว ออกมาครอบผ้า แล้วจึงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุต่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น